Department Store ไทยจะเดินหน้าอย่างไรในยุคนี้?

ใครที่ทันยุคที่ตึกใหญ่สำหรับให้เราไปซื้อของนั้น มีแต่ตึกที่ข้างในเป็นดีพาร์ทเมนท์สโตร์ (ร้านใหญ่ร้านเดียวมีหลายแผนก) ทั้งตึก แสดงว่าไม่เด็กแล้วนะครับ! ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของการที่คนไทยเรียกสถานที่สำหรับไปซื้อของว่า #ห้างสรรพสินค้า กันติดปากจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ไม่สนว่าข้างในนั้นจะเป็นแบบ ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ หรือพลาซ่า (หลายร้านมาอยู่รวมกันในสถานที่เดียว) อ่านประเด็นนี้อย่างละเอียดได้ที่นี่

พูดถึงดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่ความนิยมลดลงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ๆ เคยชินและนิยมกับรูปแบบร้านค้าปลีกประเภทช้อปปิ้งมอลล์มากกว่า คือมีหลายๆ ร้านให้เลือกเดินเข้า ส่วนใหญ่เป็นร้านละแบรนด์ชัดเจน ต้องการอะไรก็เดินเข้าร้านนั้น ไม่ต้องเดินตระเวนหาของทีละแผนกแบบดีพาร์ทเมนท์สโตร์

หลักฐานคือ ในช้อปปิ้งมอลล์ใหญ่ๆ ที่มีดีพาร์ทเมนท์สโตร์เป็นโซนหนึ่งของแทบทุกชั้น ลองสังเกตดู มักจะมีคนเดินบางตากว่าโซนที่เป็นร้านแยกเรียงติดๆ กัน

ดีพาร์ทเมนท์สโตร์เก่าแก่ที่เคยเป็นดีพาร์ทเมนท์สโตร์ทั้งตึก ที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว ล่าสุด พาต้าและตั้งฮั่วเส็งธนบุรี ปิดดีพาร์ทเมนท์สโตร์เรียบร้อย และดีพาร์ทเมนท์สโตร์หลายแห่งก็มีการลดพื้นที่ลงจากเดิม เช่น Imperial Department Store ของ อิมพีเรียลสำโรง โรบินสันรังสิต ในฟิวเจอร์พาร์ค ในขณะที่เซ็นทรัลเปิดช้อปปิ้งมอลล์สาขาใหม่ๆ บางแห่งก็เลือกที่จะไม่มีโซนดีพาร์ทเมนท์สโตร์เลย เช่น ศรีราชา จันทบุรี และกระบี่

แต่ยังไงก็ตามเจ้าของดีพาร์ทเมนท์สโตร์เจ้าหลักในปัจจุบันอย่างเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ ก็มีการพยายามทดลองปรับเปลี่ยนรูปแบบของดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  1. การเบลอพื้นที่โซนดีพาร์ทเมนท์สโตร์กับช้อปปิ้งมอลล์ ให้ซ้อนกันมากขึ้น อย่าง Emporium ช่วงก่อนหน้านี้ โรบินสันสาขาใหม่ๆ ในช่วง 3-4 ปีก่อน ซึ่งอันนี้น่าจะถือว่าไม่เวิร์ค ทำให้เดินยากขึ้น งงกว่าเดิม ดีพาร์ทเมนท์สโตร์สาขาใหม่ๆ ในช่วงปีหลังก็ไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว
  1. การปรับทางเดินในโซนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ให้เดินง่ายขึ้นเกือบเท่าโซนช้อปปิ้งมอลล์ อันนี้ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ถือว่าทำได้ดีขึ้น ในขณะที่แผนกต่างๆ ในเซ็นทรัลดีพาร์ทเมนท์สโตร์สาขาต่างๆ ยังคงทางเดินแคบอยู่

แนวคิดของเจ้าของดีพาร์ทเมนท์สโตร์ในอดีต ที่พยายามทำให้ทางเดินแคบคดเคี้ยว เพื่อที่คนจะได้ใช้เวลาเดินนานขึ้น ได้เดินผ่านสินค้าให้ได้มากที่สุด เพิ่มโอกาสขายของแบบไม่ตั้งแต่ อาจจะใช้ไม่ได้กับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ๆ อีกแล้ว

  1. การเพิ่มแบรนด์ให้แต่ละแผนกในดีพาร์ทเมนท์สโตร์ เพื่อความชัดเจนของหมวดหมู่สินค้า และเพิ่มความง่ายในการเดินหาแผนก อันนี้เซ็นทรัลทำมาก่อน และเวิร์คมากๆ จนกลายมาเป็น B2S, Power Buy, SuperSports ในปัจจุบัน 

ค่ายเดอะมอลล์ทำตามมั่ง มี BeTrend, Power Mall, Sports  Mall แม้จะไม่ได้แยกแบรนด์เหล่านี้ออกมานอกห้างของตัวเอง แต่ในดีพาร์ทเมนท์สโตร์ถือว่าทำได้ดีกว่าเพราะสร้างแบรนด์แยกครบทุกแผนก ให้จดจำง่าย ทั้ง The Living, Men In Trend, Kids’ Planet, Lady Boutique ฯลฯ ครบหมดจด ทำให้ปัจจุบันดีพาร์ทเมนท์สโตร์ของค่ายเดอะมอลล์มีความชัดเจนของแต่ละแผนก และเดินง่ายกว่ามาก!

สรุป ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ทั้งสองค่ายหลักพยายามปรับตัวท่ามกลางกระแสค้าปลีกปัจจุบันที่เปลี่ยนไปในทางที่ไม่เอื้อต่อรูปแบบเดิมๆ ของดีพาร์ทเมนท์สโตร์ 

ยังมี Pain Point ในการเดินซื้อของโซนดีพาร์ทเมนท์สโตร์อีกมากมาย ที่ผู้บริหารดีพาร์ทเมนท์สโตร์จะต้องหาทางแก้ไขปรับปรุงกันต่อไปอีก ก่อนที่ความนิยมและยอดขายของดีพาร์ทเมนท์สโตร์จะลดลงกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็น แคชเชียร์ที่มีจุดน้อยรอคิวนาน การวางสินค้าตามแบรนด์ที่ทำให้ดูยาก การจัดทางเดินที่ต้องคอยหลบสินค้าที่ขวางกลาง ฯลฯ

แต่อย่างไรดีพาร์ทเมนท์สโตร์ก็ยังมีข้อดีอยู่มากมายเช่นกัน ที่ทำให้คนรุ่นก่อนยังคงซื้อของกับดีพาร์ทเมนท์สโตร์เป็นหลัก และทำให้ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ยังอยู่มาได้เป็นโซนหนึ่งที่ใหญ่มากในช็อปปิ้งมอลล์จนถึงทุกวันนี้


Comment | คิดเห็นอย่างไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อการเข้าชมเว็บที่ดี ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save